รหัสสินค้า: | GD002 |
สถานะสินค้า: | มีสินค้าในสต็อก |
จำหน่ายกิ่งพันธุ์มะรุมสายพันดี สนใจติดต่อสอบถาม 081-0237102 (คุณสุธิ)
การเพาะปลูก
โดยทั่วไปจะขุดหลุมปลูกกว้าง ยาว และลึก ด้านละ 30 เซนติเมตร รองก้นหลุมด้วยปุ๋ย คอกแห้งคลุกเคล้ากับดินบน (หรือตากแดด 1-2 วัน ก่อนปลูกก็ได้) จากนั้นนำกิ่งพันธุ์ลงปลูก เกลี่ยดินกลบ รดน้ำให้ชุ่ม หลังจากปลูกแล้วจะคอยดูแลใส่ปุ๋ยให้น้ำกระทั่งเจริญเติบโต เมื่อต้นมะรุมมีอายุประมาณ 1 ปี ก็จะเริ่มเก็บยอดอ่อนไปรับประทานได้ เนื่องจากมะรุมเป็นพืชที่ไม่มีโรคแมลงรบกวน จึงไม่มีการใช้สารเคมีฉีดพ่นเพื่อป้องกันกำจัด ผลผลิตที่ได้รับจึงปลอดภัย การเก็บเกี่ยวอย่างไร คุณภาพจึงจะดี เนื่องจากมะรุมมีทรงต้นค่อนข้างสูง เกษตรกรมักจะเก็บเกี่ยวโดยใช้เหล็กทำเป็นข้องอผูกติดปลายไม้ยาวๆ นำขึ้นไปเกี่ยวที่ขั้วผลหรือฝักมะรุมแล้วกระตุกให้ขาดร่วงลงมา ซึ่งฝักอาจจะหักได้บ้างเมื่อกระแทกกับพื้น หรือบางรายใช้กรรไกรเก็บเกี่ยวผลไม้มาใช้ โดยตัดหนีบที่ขั้วผลแล้วนำลงมาวางที่พื้น ผลหรือฝักจึงไม่ร่วงลงมาแตกหัก ผู้เฒ่าผู้แก่เคยเล่าให้ฟังว่า ผลหรือฝักมะรุมที่เก็บมาใหม่ๆ เมื่อนำไปปรุงรสหรือรับประทานทันทีจะทำให้ได้รสชาติกลมกล่อมกรอบอร่อย มีข้อแนะนำเกี่ยวกับการเก็บรักษาผลหรือฝักมะรุมให้มีความสดได้ยาวนานคือ ถ้าเก็บฝักมะรุมในตอนเช้าแล้วนำไปขายในตอนเย็น หรือเก็บในตอนเย็นแล้วนำไปขายตอนเช้าควรนำไปแช่น้ำไว้ หรือวางบนพื้นสะอาดคลุมด้วยผ้า รดน้ำให้ชุ่ม ก็จะช่วยป้องกันการคายน้ำ คงความสดได้นานขึ้น แล้วยังทำให้ได้รสชาติหวานกรอบเหมือนเดิม
การบำรุงต้นและใบ
ควรหว่านไบโอเอ็นไซม์เดือนละครั้งเพื่อเพิ่มธาตุอาหารให้แก่ดิน ปรับสภาพดินให้คงความร่วนซุย และขจัดเชื้อราทางดินเมื่อใบมะรุมเริ่มมีสีเขียวจัดและเริ่มแตกตาดอกให้บำรุงด้วยไบโอบูมบูมทุก 7 วัน เพื่อเพิ่มธาตุอาหารให้กับต้นมะรุมและเพิ่มผลผลิตปรกติต้นมะรุมสามารถทนแล้งได้ดีแต่ในฤดูแล้งควรรดน้ำอาทิตย์ละครั้ง และเพื่อเพิ่มผลผลิตควรให้ด้วยระบบน้ำหยดหรือระบบสเปรย์หมอก จะสามารถเพิ่มผลผลิตเป็น 2 เท่า
การป้องกันและปราบศัตรูพืช
เมื่อต้นมะรุมมีอายุได้ประมาณ 70 วัน หรือเมื่อพบแมลงและโรคพืช ให้ปราบด้วยน้ำมันสะเดาเข้มข้น ซึ่งเป็นสารอินทรีย์ไม่เป็นอันตรายต่อชาวไร่และผู้บริโภค